Monday, November 22, 2010

กระเป๋าสวย หวาน ซ่อนเปรี้ยว


                                         รหัส  08  Louis Vuitton ราคา 500 บาท

                                         กระเป๋า Louis สีชมพูหนังแก้ว มันวาว  น่ารักสุดๆ 

_____________________________________________________________


รหัส  09  ราคา 200 บาท

กระเป๋าเนื้อผ้าสีครีม สำหรับไปงานแต่งก็ได้เช่นกันค่ะ


***สนใจติดต่อคุณรสริน 086-7919968***
E-mail - bow_zakung@hotmail.com

กระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ดูดี ไม่ธรรมดา



รหัสสินค้า  07  Gucci ราคา  300  บาท
กระเป๋าสะพาย Gucci เหมาะสำหรับไปงานต่างๆได้ค่ะ ถือแบบเก๋ๆก็ดูดี
______________________________________________________________________

***สนใจติดต่อคุณรสริน 086-7919968***
E-mail- bow_zakung@hotmail.com

เรียบง่าย สบายๆ













                                                                      

รหัสสินค้า  06  Longchamp  ราคา 200 บาท
กระเป๋า Loagchamp สีน้ำเงินดูเรียบง่าย อย่างมีสไตล์ สายไม่ยาวมากคะตามรูปเลยค่ะ

***สนใจติดต่อคุณรสริน 086-7919968***
E-mail -bow_zakung@hotmail.com


 

กระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง สภาพดี มีสไตล์

รหัสสินค้า  03  Louis Vuitton ราคา 400 บาท
กระเป๋าหลุยส์ งานสวยมากๆ กระเป๋าเป็นหนังแท้งานสวยลาย LV

 
รหัสสินค้า 04  Dior ราคา 500 บาท
Lady Dior หนังแก้วสีดำ อะไหล่ทองมีสายสะพายให้ด้วย ต้องบอกว่านิยมมากค่ะ ถือได้ไม่มีเบื่อเลยขนาดกำลังพอเหมาะไม่เล็กไม่ใหญ่เรียบหรู ซับด้านในเป็นผ้าลาย Dior สินค้าถ่ายจากของที่มีอยู่จริงรับรองเหมือนในรูปที่ชมแน่นอนค่ะขนาด ยาว 11"x กว้าง4" xสูง 9"


รหัสสินค้า 05  Gucci  ราคา 550 บาท
Gucci สีเทาดูดีตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากใช้ได้ทุกวัย


***สนใจติดต่อคุณรสริน 086-7919968***
E-mail. bow_zakung@hotmail.com

กระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ดูดี แบบเรียบง่าย ราคาเบาๆ

รหัสสินค้า 01  Gucci ราคา 250  B
กระเป๋า Gucci สะพาย เหมาะสำหรับการใส่ของเยอะๆ ดูดี เก๋

______________________________________________________________

รหัสสินค้า 02   Louis Vuitton ราคา  350 B
กระเป๋า Louis ลาย LV ทั้งใบ สีน้ำตาลดำ
____________________________________________________________________

***สนใจติดต่อคุณรสริน 086-7919968***
E-mail- bow_zakung@hotmail.com

Thursday, November 11, 2010

โครงสร้าง IT ของธุรกิจแบบอิเลคโทรนิคส์

การทำการค้าบนเว็บไซต์นิยมแบ่งตามลักษณะของผู้ค้า และกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ค้าทำธุรกิจอยู่ด้วยซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ดังนี้ คือ
                 Business to Business (B-to-B) : เป็นการค้าขนาดใหญ่ระหว่างองค์กรกับองค์กรซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นสินค้าส่งออก หรือนำเข้าที่ต้องส่งสินค้าเป็นจำนวนมากๆ จะมีการชำระเงินผ่านทางระบบธนาคาร เช่น T/T , L/C
                 Business to Consumer (B-to-C) : เป็นการค้าปลีกไปยังผู้บริโภคทั่วโลกหรือภายในท้องถิ่นของตน ในส่วนนี้อาจจะรวมการค้าปลีกแบบล็อตใหญ่หรือเหมาโหล หรือค้าส่งขนาดย่อยไว้ด้วย ซึ่งการชำระผ่านระบบบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม การค้าแบบ B-to-C นี้มันทำให้เกิดการค้าแบบ B-to-B ในอนาคตได้ และหลายบริษัทฯ มักทำกิจกรรมสองอย่างนี้ในคราวเดียวกันConsumer to Consumer : เป็นการค้าปลีกระหว่างบุคคลทั่วไป หรือระหว่างผู้ใช้ทางอินเทอร์เน็ตด้วยกัน เช่น อาจจะเป็นการขายสินค้าหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้งานแล้ว รวมทั้งการขายซอฟต์แวร์ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีเป็นจำนวนมากทีเดียวที่เปิดเว็บไซต์มาเพื่อขายซอฟต์แวร์ที่ตน เองพัฒนาขึ้นมา ซึ่งผู้พัฒนาอาจจะเป็นเพียงนักเรียนหรือนักศึกษาเท่านั้น ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้เป็นการแบ่งกลุ่มแบบคร่าวๆเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัดสิน ใจว่าจะดำเนินแนวทางธุรกิจไปในรูปแบบใดในการทำธุรกิจบนเว็บซึ่งถือเป็นการ เลือกคู่ค้าไปในตัว และจะต้องเตรียมตัวในลักษณะใดในการทำธุรกิจประเภทนั้น
โครงสร้างและองค์ประกอบของระบบ E-Commerce
               องค์ประกอบหลักของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้เราสามารถประกอบธุรกิจได้ผ่านทางหน้าเว็บ มีดังนี้
                - เว็บเพจหรือร้านค้าบนเว็บ : ที่เราสามารถจะประกาศขายสินค้าบนระบบอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งอาจจะเป็นเพียงหน้าโฆษณาธรรมดาที่เอาไปฝากไว้กับเว็บไซต์อื่นหรือร้าน อื่นเอาไว้ หรือมีชื่อร้านหรือเว็บไซต์เป็นของตนเอง เช่น http://www.siamgift.com/, http://www.siamflorist.com/ เป็นต้น หน้าเว็บเพจสำหรับเสนอขายสินค้านี้บางทีเราจะเรียกว่า หน้าร้าน
                - ระบบตะกร้ารับคำสั่งซื้อ (Shopping Cart System) : เป็นระบบที่สามารถคลิกเพื่อสั่งซื้อสินค้าผ่านทางหน้าเว็บเพจได้ ซึ่งจะมีช่องให้กรอกจำนวนสินค้าที่สามารถสั่งซื้อได้ โดยจะเปรียบเทียบการซื้อแต่ละครั้งเหมือนการหยอดของลงตะกร้าหรือรถเข็น และสะสมไว้จนกว่าจะพอใจแล้วจึงชำระค่าสินค้าผ่านแคชเชียร์อัตโนมัติ (ระบบตะกร้านี้จะมีหลายรูปแบบมาก และสามารถปรับเปลี่ยนหรือออกแบบให้เหมาะกับสินค้าหรือบริการแต่ละชนิดได้)
                 - Secure Payment System : เป็นระบบคำนวณเงินและชำระค่าสินค้าที่ปลอดภัยโดยส่วนใหญ่จะเป็นการชำระผ่าน ทางบัตรเครดิต(ซึ่งในประเทศไทยปัจจุบันเราสามารถรับเงินผ่านทางเว็บด้วยบัตร Visa,AMEX,Master,SCB,และJCB ได้แล้ว ) ซึ่งการถ่ายโอนข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตบนเครือข่ายจำเป็นต้องมีการเข้า รหัสเพื่อป้องกันการรั่วไหล ระบบที่ใช้กันอยู่มากก็คือ SSL (Secure SocketLayers) แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยนัก เพราะไม่สามารถที่จะเช็คได้ว่าผู้ถือบัตรใช่ตัวจริงหรือไม่และระบบนี้ยังบอก ไดัแค่เพียงว่าร้านนี้คือใคร? จึงได้มีการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมาคือ SET (Secure Electronic Transaction) ซึ่งจะมีการระบุว่าเป็นตัวจริงทั้งสองฝ่าย แต่ก็มีปัญหาตามมาคือในการใช้ระบบนี้จะต้องมีการลงทุนที่สูงมากจึงทำให้ไม่ แพร่หลาย
          

     ซึ่งการทำงานจริงนั้น ระบบทั้งหมดนี้จะเป็นระบบที่ทำงานอัตโนมัติ กล่าวคือ คำสั่งซื้อที่ได้ จะถูกส่งเข้าเมล์บ็อกซ์หรือตู้จดหมายของเราอัตโนมัติ(หรืออาจจะเข้าสู่ระบบ ฐานข้อมูลบัตรเครดิตก็สามารถส่งเข้าไปขอวงเงินที่ธนาคารได้อัตโนมัติ (ขึ้นอยู่กับระบบที่ใช้) โดยจะมีการแจ้งยืนยันไปที่ลูกค้าด้วยซึ่งถ้าใครขายสินค้า ที่สามารถดาวน์โหลดได้เลยก็จะได้เปรียบเพราะลูกค้าสามารถรับมอบสินค้าไปได้ เลย ในขณะที่เจ้าของร้านก็ได้รับเงินเข้าบัญชีเลย แต่ถ้าไม่พร้อมที่จะเชื่อมต่อระบบอัตโนมัติ (ซึ่งอาจจะเนื่องจากเสียค่าใช้จ่ายสูง) เราก็อาจให้ส่งเข้ามาที่ตู้รับจดหมายของเราก่อนก็ได้ แล้วค่อยโทรขออนุมัติวงเงินภายหลังก็ได้ (ถ้าสินค้าชนิดนั้นลูกค้าสามารถรอได้ แต่ถ้าเป็นสินค้าเช่น Ringtone หรือ Logo ก็ควรที่จะได้รับการอนุมัติเลย)
             จากความจริงระบบนี้สามารถเข้าเชื่อมต่อกับระบบ Back Office ได้เลยจำพวก สินค้าคงคลังระบบวางแผนการผลิต ระบบการเงินและบัญชี เป็นต้นรวมทั้งอาจจะทำเป็นในระบบ Tracking สำหรับให้ผู้สั่งซื้อคอยติดตามความคืบหน้าของคำสั่งซื้อของเขาก็ได้ว่าตอน นี้ถึงขั้นตอนไหนแล้วเพื่อที่ลูกค้าจะได้มีความมั่นใจว่าของที่ตนสั่งซื้อไป อีกฝ่ายได้รับรู้เรื่องการสั่งซื้อนี้แล้ว

What is Information System ? ,What is Information Technology ?

Information System (IS) คือ ระบบที่ประกอบด้วยกลุ่มคน กระบวนการ และทรัพยากร
(H/W, S/W, P/W) ที่ทำการเก็บรวบรวมและนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เพื่อประมวลผลข้อมูล และผลิตสารสนเทศที่ต้องการ เพื่อนำไปใช้งานในองค์กร
ประเภทของระบบสารสนเทศ
 1. Transaction Processing system (TPS)
 2. Management Information System (MIS)
 3. Decision Support System (DSS)
 4. Executive Information System (EIS)
 5. Expert system (ES)                                  
Transaction Processing Systems (TPS)
คือ ระบบที่ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับ งานขั้นพื้นฐานขององค์กร (Routine Work) หรือเกี่ยวกับการบันทึกรายการเปลี่ยนแปลง(Transaction) ขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานในองค์กร เช่นการฝากเงิน การถอนเงิน การซื้อ/ ขายสินค้า
Management Information Systems (MIS)
MIS หรือ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการเป็นระบบสารสนเทศที่นำข้อมูล (ซึ่งสร้างโดย TPS) มาผ่านกระบวนการที่นำไปสู่ข้อสรุปของข้อมูลดังกล่าว  สารสนเทศที่ได้จาก MIS จะแสดงในรูปของ Periodic Report ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูล สำหรับการวางแผนการดำเนินงาน (Planning) ควบคุมการดำเนินงาน (Controlling) หรือช่วยในการตัดสินใจ (Decision Making) เช่น รายงานสรุปยอดขายรายเดือน/ ปี  รายงานแสดงจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ฯลฯ
MIS จะผลิตสารสนเทศที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาแบบ มีโครงสร้าง (Structured Problem) เช่น การพิจารณาเพิ่มยอดการผลิตสินค้า โดยอาศัยข้อมูลจาก รายงานสรุปยอดขายรายเดือน
Decision Support Systems (DSS)
DSS หรือ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ โดยจะทำการรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว เพื่อนำมาซึ่งทางเลือกที่ใช้ในการแก้ปัญหาแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Problem)  หรือปัญหาที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Problem)
DSS เป็นระบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก MIS ที่ขาดการชี้แนะ หรือเสนอทางเลือกให้กับผู้ใช้ (Decision Maker)  ซึ่ง MIS จะนำเสนอแค่ยอดรวมของสิ่งที่สนใจเท่านั้น ในขณะที่ DSS จะเป็นระบบที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลในลักษณะของ What-If Analysis รวมทั้งแจกแจงทางเลือกทั้งหมดให้กับผู้ใช้ (Decision Maker)

Executive Information Systems (EIS)
EIS คือ DSS ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ที่จะเกิดขึ้นในระดับ Top-Level Management ซึ่งการทำงานในระดับนี้จะเกี่ยวข้องกับการวางแผนในเชิงกลยุทธ์ขององค์กร (Strategic Planning)
EIS จะต้องสามารถใช้งานได้ง่าย (Easy to use) เนื่องจากผู้ใช้ของระบบคือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งอาจเป็นผู้ไม่มีความชำนาญในเชิงคอมพิวเตอร์มากนัก
Expert System (ES)
ES (หรือระบบผู้เชี่ยวชาญ) เป็นระบบสารสนเทศประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้สามารถคิด/ วิเคราะห์หาคำตอบ สำหรับสถานการณ์ใดๆ ลักษณะการคิด/ วิเคราะห์ของ ES ได้ถูกจำลอง หรือลอกเลียนแบบมาจาก วิธีการคิด/ วิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ


Information Technology(IT) แปลว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บอย่างมีระบบ การเรียกหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การประมวลผล การวิเคราะห์ผลที่ได้จากการประมวลนั้น รวมไปถึงการเน้นในเรื่องการแสดงผล และประชาสัมพันธ์สารสนเทศนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้ที่จะนำไปใช้ต่อไป ตลอดไปจนถึงการสื่อสารข้อมูลนั้นไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย
องค์ประกอบระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ 
          ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer-based information systems CBIS) มีองค์ประกอบที่สำคัญ 5 ส่วนคือ ฮาร์ดแวร์ (hardware) ซอฟต์แวร์ (software) ฐานข้อมูล (database) เครือข่าย (network) กระบวนการ (procedure) และคน (people)
- ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ได้แก่ อุปกรณ์ที่ช่วยในการป้อนข้อมูล ประมวลจัดเก็บ และผลิต      เอาท์พุทออกมาในระบบสารสนเทศ
- ซอฟต์แวร์ (Software) ได้แก่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน
- ฐานข้อมูล (Database) คือ การจัดระบบของแฟ้มข้อมูล ซึ่งเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน
- เครือข่าย (Network) คือ การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน และช่วยการติดต่อสื่อสาร
- กระบวนการ (Procedure) ได้แก่ นโยบาย กลยุทธ์ วิธีการ และกฎระเบียบต่างๆ ในการใช้ระบบสารสนเทศ
- คน (People)  เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในระบบสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ บุคคลที่เกี่ยวข้องในระบบสารสนเทศ เช่น ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนาระบบ ผู้ดูแลระบบ และผู้ใช้ระบบ

ระบบสารสนเทศสามารถจัดแบ่งประเภทได้หลายวิธี โดยสามารถแบ่งประเภทของระบบสารสนเทศที่สำคัญเป็น 3 ประเภท ดังนี้
  1. ระบบสารสนเทศจำแนกตามประเภทของธุรกิจ

      การดำเนินงานขององค์กรมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้นระบบบสารสนเทศจึงต้องมีการออกแบบให้สอดคล้องและหมาะสมกับลักษณะงาน ขององค์กรเหล่านั้น ระบบสารสนทศที่จำแนกตามประเภทของธุรกิจโดยทั่วไปจะเป็นระบบสารสนเทศขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยระบบสารสนเทศที่จำแนกตามหน้าที่ย่อยๆ หลายระบบ เช่น ระบบสารสนเทศงานบริหารโรงแรมสวนดุสิตเพลซ จะประกอบด้วยระบบสารสนเทศย่อย ได้แก่ ระบบสำรองห้องพัก ระบบบัญชี ระบบการจัดการ ห้องพัก และระบบริหารงานบุคคล
2. ระบบสารสนเทศจำแนกตามหน้าที่ของงาน      ระบบสารสนเทศที่จำแนกตามลักษณะหรือหน้าที่ของงานหลัก ซึ่งแต่ละระบบสามารถประกอบด้วยระบบสารสนเทศย่อยๆ ที่เป็นกิจกรรมของงานหลัก เช่น ระบบสารสนเทศจัดการทรัพยากรมนุษย์ อาจประกอบด้วยระบบย่อยๆ ได้แก่ ระบบการจัดการข้อมูลพนักงาน ระบบการสรรหาและคัดเลือก ระบบฝึกอบรม ระบบประเมินผล และระบบสวัสดิการ เป็นต้น
   3. ระบบสารสนเทศจำแนกตามลักษณะการดำเนินการ
 เนื่องจากผู้บริหารองค์กรมักมีระดับในการบริหารที่แตกต่างกัน ได้แก่ ผู้บริหารระดับปฏิบัติการ ผู้บริหารระดับกลาง และผู้บริหารระดับสูง ดังนั้นจึงทำให้มีความต้องการการใช้ระบบสารสนเทศที่แตกต่างกัน โดยแบ่งระบบสารสนเทศที่อิงคอมพิวเตอร์ (Compute-based Information System) ได้เป็น 6 ประเภท
      3.1 ระบบสารสนเทศประมวลผลธุรกิจ (Transaction Processing System;IPS) เป็นระบบสารสนเทศประเภทแรกที่นิยมนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อประมวลผลที่รวดเร็วลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการให้บริการลูกค้า ทำหน้าที่รวบรวม บันทึกข้อมูลในแฟ้มข้อมูลหรือฐานข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากการทำธุรกรรม และการปฏิบัติงานประจำขององค์กร เช่น การซื้อสินค้าในร้านค้าปลีก การฝากหรือถอนเงินธนาคาร การสำรองห้องพักโรงแรม
      3.2 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System; MIS) เป็นระบบสารสนเทศที่ประมวลผลและสรุปผลจากแฟ้มข้อมูล ที่ได้จากระบบสารสนเทศประมวลผลธุรกรรม เพื่อจัดทำสารสนเทศตามความต้องการของผู้บริหาร สำหรับนำไปใช้ในการวางแผน ควบคุม กำกับดูแล สั่งการ และประกอบการตัดสินใจ
      3.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems; DSS) เป็นระบบสารสนเทศที่นำข้อมูลจากฐานข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ในการตัดสินใจ โดยปกติแล้วระบบสารสนเทศประมวลผลธุรกรรม และระบบสารสนเพื่อการจัดการ จะจัดทำรายงานสำหรับควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติงานทั่วไป
      3.4 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง (Executive Information Systems;EIS หรือ Executive Support Systems;ESS) เป็นระบบสารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการวิเคราะห์ปัญหา ศึกษาแนวโน้ม และการวางแผนกลยุทธ์ ผู้บริหารสามารถเข้าถึงสารสนเทศโดยกำหนดมุมได้ในรูปแบบต่างๆ จึงเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง การสรุปสารสนเทศกระทำได้อย่างรวดเร็วต่อความต้องการ
      3.5 ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) และระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems;ES) ให้สามารถปฏิบัติงานเหมือนกับมนุษย์ หรือเลียนแบบการทำงานของมนุษย์ปัญญาประดิษฐ์มีหลายสาขา เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing), ศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ (Robotics), ระบบการมองเห็น (Vision Systems), ระบบการเรียนรู้ (Learning Systems), เครือข่ายเส้นประสาท (Neural Networks) และระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems) ถึงแม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์จะมีข้อจำกัดมากกว่าการใช้ปัญญามนุษย์ แต่ในองค์กรธุรกิจก็นิยมที่จะนำมาประยุกต์ใช้งาน
      3.6 ระบบสารสนเทศสำนักงาน (Office Information Systems;OISI) หรือระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation Sysem; OAS) เป็นระบบสารสนเทศที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหาร ซึ่งระบบสารสนเทศสำนักงานสามารถนำมาช่วยงานในหลาย ๆ กิจกรรม เช่น การจัดทำเอกสารรายงาน จดหมายธุรกิจ การส่งข้อความ การบันทึก ตารางนัดหมาย และการค้นหาข้อมูลจากเว็บเพจ